รีวิวหูฟัง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree เสียงดีมาก เบสดี เวทีเสียงกว้าง ไมค์ชัดแจ๋ว ดีจริงไม่หลอกตา ราคาเบา 1,990 บาท
1. ข้อมูลทางเทคนิค
ชื่อ : omthing AirFree True Wireless In-Ear Headphones
โมเดลผลิตภัณฑ์ : EOO02BT
น้ำหนักทั้งกล่อง : 43 กรัม
น้ำหนักหูฟังแต่ละข้าง : 4 กรัม
พอร์ตการชาร์จ : Type-C
Impedance : 32 โอห์ม
ขนาดของไดร์เวอร์ : 7 mm
Input: 5V/1A
Output: 5V / 150 mA
สัญญาณ Bluetooth: Bluetooth 5.0
โปรโตคอล Bluetooth: BLE / HSP / HFP / A2DP / AVRCP
รองรับ Codec : AAC/SBC
ระยะของ Bluetooth : 10 เมตร (สภาพแวดล้อมโล่งไม่มีสิ่งกีดขวาง)
ระยะเวลาการชาร์จ: 1.5 ชั่วโมง
ความจุของกล่องชาร์จแบตเตอรี่: 550 mAh
ระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ : 3.5 – 4 ชั่วโมง
ระยะเวลาใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ : 20 ชั่วโมง
การทนของเหลว : IPX4
วัสดุ : พลาสติก
2. การออกแบบ
วัสดุของหูฟังไร้สายรุ่นนี้ผลิตจากพลาสติกคุณภาพดีมาพร้อมกล่องสีดำด้าน ตัวกล่องมีขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาง่าย หากเปรียบเทียบกับ AirPods และ AirPods Pro จะพบว่า Xiaomi 1More omthing AirFree ตัวนี้จะมีขนาดใหญ่ว่าเล็กน้อย (ดูภาพเปรียบเทียบด้านล่าง) ฝาด้านบนพิมพ์โลโก้ omthing เอาไว้ ส่วนพอร์ต USB-C สำหรับการชาร์จจะอยู่ที่ด้านหลัง
หลังเปิดฝาออกจะพบสัญลักษณ์ L (Left ซ้าย) และ R (Right ขวา) เขียนกำกับหูฟังแต่ละข้างเอาไว้ หูฟังเป็นชนิด In-Ear สีดำทั้งเซ็ตและมีการปั้มโลโก้ omthing ไว้ที่ก้านของหูฟังด้วย ช่วยเพิ่มความง่ายในการวางหูฟังกลับเข้าไปยังกล่องชาร์จ
ซิลิโคน Ear Tips มีให้เลือกเปลี่ยนได้ 3 ขนาด คือ เล็ก กลาง ใหญ่ สามารถถอดออกและสวมเข้าไปได้อย่างง่าย ส่วนเรื่องการออกแบบตัวหูฟังนั้นตรงตามหลัก Ergonomist ทำให้หูฟังสวมใส่ได้ง่ายและติดแน่นกับหู ใช้งานไปไม่หลุดง่าย
มีระบบ Touch Control หรือการแตะเพื่อสั่งการได้จากหูฟังทั้ง 2 ข้าง นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนถึง 4 ตัว ที่มาพร้อมระบบการตัดเสียงการสนทนารอบข้างทำให้ช่วยในเรื่องการคุยโทรศัพท์ได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
3. การเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อหูฟัง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree ทดสอบกับ iPhone และ Mac พบว่าการเชื่อมต่อในครั้งแรกนั้นทำได้ง่ายมากดังนี้ครับ
เปิดฝากล่องหูฟัง
หยิบหูฟัง omthing AirFree ออกจากกล่อง
ไปที่ iPhone หรือสมาร์ตโฟนอื่น ๆ เลือกไปที่การตั้งค่า> Bluetooth
เลือกเชื่อมต่อ omthing AirFree
รอสักครู่ระบบจะขึ้นว่าเชื่อมต่อเสร็จแล้ว
เพียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งานหูฟังได้ทันที ทั้งนี้การใช้งานนั้นสามารถใช้ฟังทีละข้างได้เช่นกัน
4. การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น, การรีเซต
สำหรับใครที่มีอุปกรณ์มากกว่า 1 ตัว เช่น สมาร์ตโฟน 1 เครื่องและคอมพิวเตอร์ หากต้องการนำ omthing AirFree สลับจากสมาร์ตโฟนไปใช้กับคอมพิวเตอร์ทำได้โดย
เปิดฝากล่อง omthing AirFree โดยให้หูฟังยังคงอยู่ในกล่อง
แตะค้างที่หูฟังทั้ง 2 ข้างประมาณ 5-6 วินาที จนเห็นไฟ LED สีขาวกะพริบรัว ๆ และเปลี่ยนเป็นไฟสีขาวค้างจึงปล่อยมือ
จากนั้นไปที่อุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ เพื่อทำการเชื่อมต่อ
การทำเช่นนี้จะช่วยให้หูฟังนี้สามารถใช้กับอุปกรณ์อื่นได้ แต่หากต้องการกลับมาใช้กับอุปกรณ์เดิม ก็ต้องเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง เพราะว่าหูฟังนี้ไม่รองรับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ (หูฟังไร้สายส่วนมากเป็นเช่นนี้ คือ เชื่อมต่อได้ทีละอุปกรณ์)
5. คุณภาพของเสียง
5.1 หูฟังแบบ In-Ear ตัดเสียงด้วยซิลิโคน
omthing AirFree เป็นหูฟังแบบ In-Ear การสวมใส่ทำได้ง่ายปรับง่าย อยู่แน่น ไม่หลุดง่าย ใส่วิ่งออกกำลังกายได้ไม่หลุด สามารถตัดเสียงรอบ ๆ ได้เยอะพอสมควร การตัดเสียงนั้นใช้ประโยชน์จากซิลิโคน Ear Tips ซึ่งหูฟังรุ่นนี้ไม่มี ANC (Active Noise Concellation) แบบที่เหมือนกับหูฟังตัวแพงนะครับ แต่ภาพรวมหากถามว่าตัดเสียงได้ไหมก็ต้องบอกว่าทำได้ดีอยู่ครับ ตอนที่พิมพ์รีวิวนี้ก็ใส่หูฟังนี้ผมยังพอได้ยินเสียงคีย์บอร์ดบ้าง แต่หากเปิดเพลงฟังให้เสียงระดับ 40-50% ก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย
5.2 คุณภาพเสียง
คุณภาพเสียงกล้าพูดได้เลยว่า omthing AirFree เสียงอยู่ในระดับดีและเกินค่าตัวมาก ๆ ถ้าให้ลองเทียบกับ AirPods Pro นั้นถือว่าทำได้ใกล้เคียงเลยครับ ส่วนถ้าเทียบกับ AirPods 2
เสียงเบสจัดได้ว่ากลาง ๆ ไปถึงลึกในระดับที่ฟังเพลงมัน ๆ ได้ถึงอารมณ์เบส เสียงกลางฟังสบาย ๆ ได้ยินเสียงนักร้องชัดเจน และส่วนของเวทีเสียงหรือว่า Sound Stage นั้น ทำได้ค่อนข้างดีมากครับ เวทีเสียงกว้าง แยกเสียงหูฟังซ้ายขวาได้ชัด หากลองเปิดเพลงอย่าง Strive (Binaural) แล้วจะทำให้รู้เลยว่าเสียงที่ฟังนั้นมาจากทางไหนประหนึ่งเหมือนว่าเรากำลังนั่งชมคอนเสิร์ตเลย ไม่น่าเชื่อว่าหูฟังราคาเท่านี้สามารถให้พลังเสียงได้ดีมากขนาดนี้
5.3 คุณภาพไมโครโฟน
omthing AirFree มีไมโครโฟนให้ทั้งหมด 4 ตัว (ข้างละ 2 ตัว) มาพร้อมระบบการตัดเสียง (Environtment Noise Cancellation) จากการทดสอบคุยสนทนาผ่านแอป LINE ด้วยการโทรผ่านเสียงพบว่า คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ผู้คุยสายคนแรกคิดว่าใช้ AirPods ในการคุย เพราะเสียงที่ได้นั้นชัดเจนมากซึ่งหากเทียบกับหูฟังไร้สายอื่น ๆ พบว่าคุณภาพไมโครโฟนของ omthing AirFree นั้นทำได้ดีมาก ใกล้เคียงกับฝั่ง AirPods ที่มาตรฐานเรื่องไมโครโฟนนั้นสำหรับการสนทนานั้นดีอยู่แล้ว
ส่วนผู้รับสายที่ 2 นั้น ถ้าไม่บอกใช้หูฟังรุ่นอื่นก็แยกเสียงไม่ค่อยออกกับ AirPods เช่นกัน พอบอกไปว่าใช้หูฟัง omthing AirFree ไป ฝั่งปลายสายบอกว่าเสียงชัดดี ชัดมากกว่าหูฟังตัวอื่น ๆ ที่เคยทดสอบกัน ซึ่งเป็นการยืนยันได้ค่อนข้างชัดเจนว่าคุณภาพไมโครโฟนจากหูฟังไร้สายรุ่นนี้ถือว่าทำได้ในระดับดี
5.4 แบตเตอรี่
หลังจากชาร์จเต็มสามารถใช้หูฟังได้ 3.5-4 ชม. ซึ่งเทียบเท่ากับ AirPods 2 ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของหูฟังไร้สาย True Wireless และหากใช้งานร่วมกับกล่องชาร์จจะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง ถามว่าเพียงพอแต่การใช้งาน 1 วันไหมต้องบอกเลยว่าเกินพอ ส่วนการแสดงระดับของแบตเตอรี่นั้นหูฟังตัวนี้สามารถแสดงผลผ่าน Widget ของ iOS ได้ เพิ่มความสะดวกในการดูระดับแบตเตอรี่ได้ง่ายขึ้น ส่วนกล่องของหูฟังไม่สามารถดูแบตเตอรี่ที่เหลือได้
5.5 การดีเลย์
อีกจุดที่ต้องพิจารณาก็คือเรื่องการใช้งานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วดีเลย์หรือว่าหน่วงไหม สำหรับการทดสอบนั้นผมใช้ควบคู่กับการตัดต่อวิดีโอผ่านแอป Final Cut Pro บนเครื่อง Mac Pro พบว่าหูฟัง omthing AirFree นั้นไม่พบอาการดีเลย์แต่อย่างใด ปากกับเสียงมาตรงกัน ถือว่าทำได้ดีค ส่วนการใช้ดูคลิปผ่าน YouTube, Netflix พบว่าภาพและเสียงมาตรงกันไม่มีปัญหา
ข้อดีและข้อด้อย
เห็นภาพรวมการใช้งานของหูฟังกันไปทั้งหมดแล้วต่อไปมาสรุปข้อดีข้อด้อยรวมไว้ให้เพื่อประกอบการพิจารณา
ข้อดี
-เสียงดีมาก เสียงมีมิติ เบสลึก เวทีเสียงกว้างชัดเจน คุณภาพเสียงเกินราคาค่าตัวมาก ๆ จุดนี้กล้าพูดเพราะเทียบจากประสบการณ์จากการใช้หูฟังหลาย ๆ ตัว ในระดับผู้ใช้งานทั่วไปผมขอบอกว่า omthing AirFree เสียงดีจริงไม่หลอกตา
-แบตเตอรี่ใช้งานได้นานตามมาตรฐาน 3.5-4 ชั่วโมง หากใช้ร่วมกับกล่องชาร์จก็อยู่ได้วันหนึ่งวันเต็ม ๆ แถมชาร์จไฟจากแบตเตอรี่สำรองผ่าน USB-C ได้ด้วย
-ราคาเข้าถึงได้ง่ายมาก คุณภาพคับแก้วเกินราคาจริง ๆ
-มาพร้อมระบบสัมผัส Touch Control
-รองรับเรียกใช้งาน Voice Assistant
-กันของเหลว IPX4 เทียบเท่า AirPods Pro สามารถใช้ออกกำลังกายโดนเหงื่อเยอะ ๆ หรือทนฝนตกได้
-การเขื่อมต่อครั้งแรกทำง่าย ใช้ครั้งต่อๆ มาก็ง่ายเพียงแกะออกจากกล่องแล้วใส่เข้าที่หูระบบจะเชื่อมต่อเอง
-มี Auto Power on/off หลังจากไม่ได้ใช้งานเมื่อเก็บเข้ากล่อง
-สวมใส่ง่าย กระชับ ไม่หลุดง่าย มี Ear Tips ให้เปลี่ยน
-เสียงไม่ดีเลย์
-แสดงระดับแบตเตอรี่ผ่าน Widget บน iOS
ข้อด้อย
-ไม่มีเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ เพลงไม่หยุดเล่นถ้าหากถอดหูฟังออก
-ปรับระดับเสียงผ่านหูฟังไม่ได้
-ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย
-เปลี่ยนเพลงไม่ได้ ต้องทำผ่านตัวเครื่องหรือสั่งผ่าน Siri
-ระบบ Touch Control ยังสั่งการได้ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ จะสะดวกกว่าเมื่อสั่งการผ่านแอปบนสมาร์ตโฟน
-สามารถใช้งานได้ทีละอุปกรณ์ ไม่สามารถสำหรับอุปกรณ์ใหม่ได้ ต้องทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่เท่านั้น
โดยรวมว่า omthing AirFree เหมาะมากสำหรับผู้ใช้คนไหนที่อยากได้ประสบการณ์จากหูฟังไร้สาย True Wireless โดยราคาค่าตัวนั้นถือว่าเข้าถึงได้ง่ายมาก ๆ ครั้งแรกเห็นราคาแล้วยังตกใจเลย แต่พอได้สัมผัสได้จับและลองใช้งานทั้งเรื่องดีไซน์ก็ดูดีนะ แต่ที่สำคัญคือคุณภาพเสียงนั้นต้องบอกเลยว่า มันดีมาก ๆ หูฟังไร้สาย Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree แบบ True Wireless ราคาเปิดตัวปกติอยู่ที่ 1,990 บาท แต่เดี๋ยวก่อน ช่วงเปิดตัวนี้มีโปรโมชันลดสะท้านฟ้าท้า COVID-19 มาก ๆ ทาง Xiaomi Youpin จัดโปรในราคาพิเศษสุด ๆ เริ่มต้นเพียง 659 บาทเท่านั้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง | อ่านรีวิวเด็ดๆ ที่พลาดไม่ได้
Comments
Post a Comment